แมว เป็นสัตว์อีกหนึ่งชนิดที่ปรากฏอยู่ในเรื่องเล่าต่าง ๆ มากมาย และถูกเล่าต่อกันมาจนกลายเป็นความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อทางด้านศาสนา ประวัติศาสตร์ หรือนิสัยของแมวบางอย่างที่ยังคงเป็นปริศนาอยู่ หลาย ๆ คนอยากรู้ว่า สัตว์ที่ดูนิ่งเงียบ ลักษณะท่วงท่าการเดินที่สง่างามเหล่านี้ มีความลับอะไรที่เจ้าของอย่างเรา ๆ ยังไม่รู้อีกหรือไม่ วันนี้เราก็เลยนำความลับของแมวมาเปิดเผย
1. เชื่อว่าแมวจะขโมยลมหายใจของทารก
จริง ๆ แล้วแมวไม่ได้มีเจตนาร้ายใด ๆ กับทารกของคุณหรอกนะคะ เพียงแต่ว่าพวกมันชอบหาที่อบอุ่น ๆ และสบาย ๆ นอน ซึ่งลมหายใจของทารกเป็นอุณหภูมิที่แมวต้องการพอดี ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้แมวชอบเข้าไปคลุกคลีกับทารกบ่อย ๆ เท่านั้นเอง แต่ทั้งนี้คุณก็ไม่ควรให้แมวเข้าใกล้ทารกของคุณมากเกินไปเพราะเด็กอาจจะติดเชื้อโรค หรืออาจจะทำให้ทารกเกิดภูมิแพ้ได้
2. เชื่อว่าผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรเลี้ยงแมว
จริง ๆ แล้วผู้หญิงที่ตั้งครรภ์นั้นไม่ควรสัมผัสตัวแมว หรือทำอะไรเกี่ยวกับแมวบ่อยนัก เพราะอาจจะทีโอกาสติดเชื้อท็อกโซพลาสโมซิสจากแมวได้ โดยเฉพาะในช่วงสามเดือนแรก ซึ่งหากทารกติดเชื้ออาจจะเกิดอาการสมองบวมน้ำ ประสาทตาอักเสบ หรืออารมณ์ผิดปกติ ฉะนั้นหญิงตั้งครรภ์จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสตัวแมว และของใช้ที่เกี่ยวกับแมวทั้งหมดดีกว่า
3. เชื่อว่าแมวดำคือสัญลักษณ์ของความโชคร้าย
จากผลการสำรวจผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ในปี 2000 พบว่าผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสแมวขอสีดำ หรือแมวขนสีเข้มมากกว่าแมวขนสีอ่อน ๆ ถึง 4 เท่า นั่นเป็นเพราะว่าตามผิวหนัง และในน้ำลายของพวกแมวขนสีดำ หรือแมวขนสีเข้มมีสารสำคัญในการก่อภูมิแพ้ที่เรียกว่า Fel.d1 สะสมอยู่มากกว่าแมวขนสีอ่อน ด้วยสาเหตุนี้เองที่ทำให้หลาย ๆ คนเชื่อว่าแมวดำจะความโชคร้ายมาให้นั่นเอง
4. เชื่อว่าแมวมี 9 ชีวิต
ความเชื่อที่ว่าแมว มี 9 ชีวิตนั้นถูกเล่าขานเป็นตำนานกันออกไปต่าง ๆ นานาทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นในประเทศแถบยุโรป เอเชีย อเมริกา หรือแอฟริกา โดยเฉพาะในประเทศอียิปต์ที่นับถือว่า แมวเป็นตัวแทนของเทพเจ้าเลยทีเดียว เหตุที่ทำให้ผู้คนต่างคิดว่าแมวมี 9 ชีวิตอาจจะเนื่องมาจากว่า ลำตัวของแมวมีความยืดหยุ่นสูง จึงทำให้สามารถกระโดดจากที่สูงได้โดยไม่บาดเจ็บ และแมวก็สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยอยู่กับผู้คนเท่านั้นเอง
5. เชื่อว่าแมวสามารถลงพื้นได้อย่างปลอดภัยทุกครั้ง
ถึงแม้แมวจะมีร่างกายที่ยืดหยุ่นสูง แต่ก็ใช่ว่าพวกมันจะกระโดดลงจากที่สูงลงมาได้อย่างปลอดภัยเสมอไป เพราะแมวก็มีสิทธิ์พลาด และพลั้งเผลอตกลงมาได้เช่นกัน ดังนั้นในบางครั้งแมวก็มีโอกาสเกิดบาดแผล และเกิดอาการบาดเจ็บได้เช่นกัน
จริง ๆ แล้วแมวไม่ได้มีเจตนาร้ายใด ๆ กับทารกของคุณหรอกนะคะ เพียงแต่ว่าพวกมันชอบหาที่อบอุ่น ๆ และสบาย ๆ นอน ซึ่งลมหายใจของทารกเป็นอุณหภูมิที่แมวต้องการพอดี ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้แมวชอบเข้าไปคลุกคลีกับทารกบ่อย ๆ เท่านั้นเอง แต่ทั้งนี้คุณก็ไม่ควรให้แมวเข้าใกล้ทารกของคุณมากเกินไปเพราะเด็กอาจจะติดเชื้อโรค หรืออาจจะทำให้ทารกเกิดภูมิแพ้ได้
2. เชื่อว่าผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรเลี้ยงแมว
จริง ๆ แล้วผู้หญิงที่ตั้งครรภ์นั้นไม่ควรสัมผัสตัวแมว หรือทำอะไรเกี่ยวกับแมวบ่อยนัก เพราะอาจจะทีโอกาสติดเชื้อท็อกโซพลาสโมซิสจากแมวได้ โดยเฉพาะในช่วงสามเดือนแรก ซึ่งหากทารกติดเชื้ออาจจะเกิดอาการสมองบวมน้ำ ประสาทตาอักเสบ หรืออารมณ์ผิดปกติ ฉะนั้นหญิงตั้งครรภ์จึงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสตัวแมว และของใช้ที่เกี่ยวกับแมวทั้งหมดดีกว่า
3. เชื่อว่าแมวดำคือสัญลักษณ์ของความโชคร้าย
จากผลการสำรวจผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ในปี 2000 พบว่าผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสแมวขอสีดำ หรือแมวขนสีเข้มมากกว่าแมวขนสีอ่อน ๆ ถึง 4 เท่า นั่นเป็นเพราะว่าตามผิวหนัง และในน้ำลายของพวกแมวขนสีดำ หรือแมวขนสีเข้มมีสารสำคัญในการก่อภูมิแพ้ที่เรียกว่า Fel.d1 สะสมอยู่มากกว่าแมวขนสีอ่อน ด้วยสาเหตุนี้เองที่ทำให้หลาย ๆ คนเชื่อว่าแมวดำจะความโชคร้ายมาให้นั่นเอง
4. เชื่อว่าแมวมี 9 ชีวิต
ความเชื่อที่ว่าแมว มี 9 ชีวิตนั้นถูกเล่าขานเป็นตำนานกันออกไปต่าง ๆ นานาทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นในประเทศแถบยุโรป เอเชีย อเมริกา หรือแอฟริกา โดยเฉพาะในประเทศอียิปต์ที่นับถือว่า แมวเป็นตัวแทนของเทพเจ้าเลยทีเดียว เหตุที่ทำให้ผู้คนต่างคิดว่าแมวมี 9 ชีวิตอาจจะเนื่องมาจากว่า ลำตัวของแมวมีความยืดหยุ่นสูง จึงทำให้สามารถกระโดดจากที่สูงได้โดยไม่บาดเจ็บ และแมวก็สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยอยู่กับผู้คนเท่านั้นเอง
5. เชื่อว่าแมวสามารถลงพื้นได้อย่างปลอดภัยทุกครั้ง
ถึงแม้แมวจะมีร่างกายที่ยืดหยุ่นสูง แต่ก็ใช่ว่าพวกมันจะกระโดดลงจากที่สูงลงมาได้อย่างปลอดภัยเสมอไป เพราะแมวก็มีสิทธิ์พลาด และพลั้งเผลอตกลงมาได้เช่นกัน ดังนั้นในบางครั้งแมวก็มีโอกาสเกิดบาดแผล และเกิดอาการบาดเจ็บได้เช่นกัน
6. เชื่อว่าเสียงครางหมายถึงแมวกำลังมีความสุข
เสียงครางเป็นเสียงแรกที่แมวสามารถทำได้ ตั้งแต่อายุน้อย เพราะในขณะนั้นพวกมันไม่สามารถทำเสียงสูง หรือเสียงต่ำได้ จึงทำให้คุณได้ยินเสียงครางบ่อย ๆ และเข้าใจว่าแมวกำลังมีความสุข ฉะนั้นเสียงครางจึงไม่ได้หมายความว่าพวกมันกำลังมีความสุขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่อาจจะกำลังสื่อสารให้คุณรู้ว่าพวกมันกำลังป่วย หรือบาดเจ็บอยู่ก็เป็นได้
7. เชื่อว่าแมวไม่ชอบน้ำ
ก็ใช่ว่าแมวทุกตัวจะกลัว หรือไม่ชอบน้ำเสมอไปหรอกนะคะ เพราะแมวบางตัวก็ชอบเล่นน้ำเหมือนกัน อย่างเช่นแมวสายพันธุ์ เตอร์กิชแวน ที่รักการว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ จนได้รับฉายาว่า "Swimming cat" เลยทีเดียว แต่ที่เราเห็นว่าแมวเลี้ยงส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใกล้จุดที่มีแหล่งน้ำสักเท่าไหร่ ก็เพราะแมวคิดว่ามันไม่คุ้มกับการที่จะต้องหาเรื่องทำให้ตัวเองเปียก เพื่อแลกกับปลาตัวเล็ก ๆ ในสระ ทั้ง ๆ ที่มีอาหารจานใหญ่รออยู่ตรงหน้าแล้วนั่นเอง
8. เชื่อว่าแมวเป็นสัตว์หากินกลางคืน
นั่นเป็นเพราะสายตาของแมวสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ผ่านแสงสว่างน้อย ๆ หรือความมืดในกลางคืนได้ดีกว่าแสงสว่างในตอนกลางวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาโพล้เพล้ หรือใกล้ค่ำ จะเป็นเวลาที่เหมาะกับการล่าเหยื่อมากที่สุด แต่ก็ใช่ว่าแมวจะสามารถมองเห็นแม้ในที่มืดสนิทได้หรอกนะ
9. เชื่อว่าแมวชอบความสันโดษ
ถึงแม้แมวจะได้อยู่รวมกันเป็นฝูงเหมือนสัตว์ชนิดอื่น ๆ แต่พวกมันก็จะอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกัน หรือบริเวณใกล้ ๆ กับแหล่งอาหารของพวกมันนั่นเอง โดยเฉพาะแมวเพศผู้ที่มีอายุประมาณ 18 เดือนขึ้นไป ก็จะออกไปหากินตัวเดียวมากกว่าแมวเพศเมีย ดังนั้นหากคุณไม่อยากให้แมวที่คุณเลี้ยงหนีออกไปอยู่นอกบ้าน ก็ควรจะเลี้ยงแมวตั้งแต่พวกมันอายุ 8 - 10 เดือน และควรเลี้ยงสองตัวขึ้นไป ก็จะทำให้พวกมันมีนิสัยอยู่ติดบ้านมากกว่า เลี้ยงแมวมีอายุ หรือเลี้ยงแมวแค่เพียงตัวเดียว
เสียงครางเป็นเสียงแรกที่แมวสามารถทำได้ ตั้งแต่อายุน้อย เพราะในขณะนั้นพวกมันไม่สามารถทำเสียงสูง หรือเสียงต่ำได้ จึงทำให้คุณได้ยินเสียงครางบ่อย ๆ และเข้าใจว่าแมวกำลังมีความสุข ฉะนั้นเสียงครางจึงไม่ได้หมายความว่าพวกมันกำลังมีความสุขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่อาจจะกำลังสื่อสารให้คุณรู้ว่าพวกมันกำลังป่วย หรือบาดเจ็บอยู่ก็เป็นได้
7. เชื่อว่าแมวไม่ชอบน้ำ
ก็ใช่ว่าแมวทุกตัวจะกลัว หรือไม่ชอบน้ำเสมอไปหรอกนะคะ เพราะแมวบางตัวก็ชอบเล่นน้ำเหมือนกัน อย่างเช่นแมวสายพันธุ์ เตอร์กิชแวน ที่รักการว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ จนได้รับฉายาว่า "Swimming cat" เลยทีเดียว แต่ที่เราเห็นว่าแมวเลี้ยงส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใกล้จุดที่มีแหล่งน้ำสักเท่าไหร่ ก็เพราะแมวคิดว่ามันไม่คุ้มกับการที่จะต้องหาเรื่องทำให้ตัวเองเปียก เพื่อแลกกับปลาตัวเล็ก ๆ ในสระ ทั้ง ๆ ที่มีอาหารจานใหญ่รออยู่ตรงหน้าแล้วนั่นเอง
8. เชื่อว่าแมวเป็นสัตว์หากินกลางคืน
นั่นเป็นเพราะสายตาของแมวสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ผ่านแสงสว่างน้อย ๆ หรือความมืดในกลางคืนได้ดีกว่าแสงสว่างในตอนกลางวัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาโพล้เพล้ หรือใกล้ค่ำ จะเป็นเวลาที่เหมาะกับการล่าเหยื่อมากที่สุด แต่ก็ใช่ว่าแมวจะสามารถมองเห็นแม้ในที่มืดสนิทได้หรอกนะ
9. เชื่อว่าแมวชอบความสันโดษ
ถึงแม้แมวจะได้อยู่รวมกันเป็นฝูงเหมือนสัตว์ชนิดอื่น ๆ แต่พวกมันก็จะอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณเดียวกัน หรือบริเวณใกล้ ๆ กับแหล่งอาหารของพวกมันนั่นเอง โดยเฉพาะแมวเพศผู้ที่มีอายุประมาณ 18 เดือนขึ้นไป ก็จะออกไปหากินตัวเดียวมากกว่าแมวเพศเมีย ดังนั้นหากคุณไม่อยากให้แมวที่คุณเลี้ยงหนีออกไปอยู่นอกบ้าน ก็ควรจะเลี้ยงแมวตั้งแต่พวกมันอายุ 8 - 10 เดือน และควรเลี้ยงสองตัวขึ้นไป ก็จะทำให้พวกมันมีนิสัยอยู่ติดบ้านมากกว่า เลี้ยงแมวมีอายุ หรือเลี้ยงแมวแค่เพียงตัวเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น