วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เคล็ดลับ 7 ขั้นตอนการเตรียมตัวสอบ Admission!!

เคล็ดลับ 7 ขั้นตอนการเตรียมตัวสอบ Admission
1. ค้นหาตัวเอง และคณะที่ตัวเองชอบ : การจะทำอะไรให้มันสำเร็จได้มันต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน คนส่วนใหญ่มักคิดว่าเป้าหมายของการสอบ Admission ก็คือทำคะแนน GAT/PAT และ O-NET ให้มันดี แต่จริง ๆ แล้วการวางเป้าหมายแค่นั้นมักไม่เพียงพอ เพราะเวลาเราเหนื่อยเราท้อกับการอ่านหนังสือ เราจะเลิกความคิดที่จะทำคะแนนสูง ๆ อีกต่อไป และสาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะเราไม่มีหลักจริง ๆ
Tips: เทคนิคในการค้นหาตัวเอง และคณะที่ตัวเองชื่นชอบ
1) พิจารณาจากบุคลิกภาพและลักษณะนิสัยส่วนตัว
2) พิจารณาจากความสามารถทางด้านวิชาการ
3) หาข้อมูลจากรุ่นพี่ๆประกอบการตัดสินใจ
ลองเข้ามาทำแบบทดสอบค้นหาตัวเองได้ที่
http://www.trueplookpanya.com/true/quiz_holland_readiness.php
หรือไปดูว่าอาชีพต่าง ๆ เขาทำอะไร อย่างไร ต้องเรียนอะไร และที่ไหนมีสอนบ้างในรายการ I AM

2. รวบรวมข้อมูล :
 หลังจากรวบรวมข้อมูลแล้วตัดสินใจได้ว่าอยากเรียนคณะอะไร หรืออยากทำอาชีพอะไรแล้ว คราวนี้เราก็มาหาที่เรียนกันโดยการรวบรวมข้อมูลของคณะที่เราอยากจะเข้า พิจารณาคณะที่เราต้องการในหลาย ๆ มหาวิทยาลัย ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการสมัครว่ามีวิธีการรับทางใดได้บ้าง เพราะในบางคณะจะมีวิธีการรับเข้าหลายวิธีด้วยกัน เช่น การรับตรง (โควต้า) หรือ การใช้คะแนน GAT/PAT รอบแรก นอกจากนั้นบางคณะยังมีภาคภาษาอังกฤษอีกด้วย เราจึงควรรวบรวมข้อมูลโดยอ้างอิงจากข้อมูลปีที่แล้วว่าจะมีการเปิดให้สมัคร และมีการสอบในช่วงใดของปี วิชาที่ใช้สอบและเนื้อหาข้อสอบ เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดแล้วให้เขียนไว้ในปฏิทินว่าช่วงไหนน่าจะมีอะไรเปิด บ้าง จากนั้นก็คอยติดตามข่าวจาก website คณะหรือมหาวิทยาลัย
ค้นหาข้อมูลสถาบันต่าง ๆ ได้ที่
http://www.trueplookpanya.com/true/guidance_after_m3.php?cms_category_id=122

3. ทดสอบตัวเอง : เมื่อรู้ข้อมูลวิชาที่ต้องการจะสอบแล้ว ให้ลองทำการจำลองการสอบด้วยตัวเอง จับเวลาให้เหมือนข้อสอบจริง และสอบให้ครบทุกวิชา ย้ำว่าต้องจับเวลาแบบจริงจัง จากนั้นก็ตรวจข้อสอบ แล้วดูคะแนนที่ทำได้ เทียบกับคะแนนต่ำสุดของคณะนั้นๆที่เราต้องการ แน่นอนว่าคะแนนของเราก็มักจะต่ำกว่าคะแนนต่ำสุด เพราะอาจจะมีอีกหลายบทที่ยังไม่ได้เรียน หรือยังไม่ได้ทบทวน คะแนนย่อมน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่สิ่งที่เราต้องการคือการประเมินว่าเราห่างจากเป้าหมายของเรามากแค่ไหน แล้วอะไรหรือวิชาใดที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าคณะนั้น

4. จัดตารางการอ่านหนังสือ :
 เมื่อรู้แล้วว่าอะไรคือจุดอ่อนของเรา วิชาใด หรือบทใดที่จำเป็นต่อการสอบ แต่เรายังมีความรู้ไม่แน่นพอ ตอนนี้ก็ถึงเวลาวางตารางการอ่านหนังสือ ระยะเวลาและความหนักเบาของการอ่านหนังสือนั้นไม่สามารถจะกำหนดได้ชัดเจน ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเรียนรู้จดจำ และที่ขาดไม่ได้คือต้องประเมินว่าคณะที่เราเลือกมีคู่แข่ง และคะแนนต่ำสุดมากน้อยแค่ไหน การจัดตารางการอ่านหนังสือควรจะวางแผนอ่านหนังสือให้เสร็จ 1 เดือนก่อนวันสอบ เพราะว่า 1 เดือนไม่ควรจะมาทบทวนเนื้อหาแล้ว ควรจะฝึกทำโจทย์จับเวลาและเน้นพัฒนาด้านเทคนิคเท่านั้น
ทบทวนเนื้อหารการเรียนได้ที่รายการสอนศาสตร์

5. ตะลุยข้อสอบ :
 1 เดือนก่อนวันสอบจริง ให้เริ่มทำข้อสอบเสมือนจริงและจับเวลาเสมือนจริง อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ส่วนวันอื่นๆก็ให้จัดตารางทำข้อสอบเป็นรายวิชาแยกไปแต่ละวัน ทุกๆอาทิตย์ก็ทำการประเมินว่ายังมีตรงไหนที่ไม่กระจ่าง ไม่เคลียร์ ทำการทบทวนและปรึกษาผู้รู้ หรือเพื่อนที่ถนัดวิชานั้นๆ มาช่วยก็ได้
ฝึกทำข้อสอบออนไลน์ได้ที่
http://www.trueplookpanya.com/true/guidance_after_m3.php?cms_category_id=122

6.  ทำใจให้พร้อม :
 ฝึกสมองมามากแล้ว อย่าลืมฝึกจิตใจ หาเวลานั่งสมาธิเพื่อลดความประหม่า ยิ่งใกล้วันสอบ ยิ่งคณะที่เราเลือกมีการแข่งขันสูง ความประหม่าก็ยิ่งมา ความประหม่าและความเครียดอาจจะทำให้วันสำคัญของเราล้มเหลวได้ ดังนั้นขอให้เชื่อในความรู้และความสามารถของตัวเอง คิดซะว่าผลมันคือเรื่องรอง ความพยายามและความตั้งใจจริงคือสิ่งสำคัญที่สุดในการสอบ

7. เตรียมเอกสารและอุปกรณ์การสอบให้ครบ 1 วันก่อนวันสอบ :
 เตรียมเอกสาร เหลาดินสอ ปากกา ยางลบ และบัตรประจำตัวต่างๆไว้ในซองใสเตรียมให้ครบก่อนหน้าวันที่จะสอบ อย่าเตรียมของตอนเช้าของวันสอบ ความตื่นเต้น และความลนอาจจะทำให้เราเผลอลืมหยิบสิ่งสำคัญเหล่านี้ได้

ตำนานคิวปิด♥



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          คิวปิด ประวัติคิวปิด ตำนานคิวปิดกับไซคี คิวปิด คือใคร เกี่ยวข้องกับความรัก วันวาเลนไทน์ และ ดอกกุหลาบ อย่างไร วันนี้เรามีประวัติคิวปิดมาฝาก 

          ใกล้วันวาเลนไทน์ (14 กุมภาพันธ์) เข้ามาแล้วทุกที หนุ่มสาวคู่รักทั้งหลายคงจะนับวันรอที่จะได้ฉลองเทศกาลอันแสนพิเศษนี้กับคนรักอย่างสวีทหวานแหวว จนกลายเป็นอีกหนึ่งเทศกาลสำคัญสำหรับคนไทยไปแล้ว ซึ่งสิ่งแรกที่ทุกคนคิดถึงในวันนี้คงจะหนีไม่พ้น ดอกกุหลาบสีแดง ที่สื่อถึงความรักของผู้ให้ได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญต่อเทศกาลนี้ไม่แพ้กัน นั่นคือ คิวปิด ซึ่งหลาย ๆ คนคงจะจินตนาการภาพของเด็กน่ารักที่มีปีก ในมือถือคันธนูกับลูกศร เพื่อยิงศรรักปักหัวใจของใครต่อใคร แล้วรู้หรือไม่ว่าเทพเจ้าคิวปิดก็มีตำนานความรักอมตะสุดคลาสิคไม่แพ้โรมิโอ-จูเลียต หรือ แจ๊ค-โรส ในไททานิค เช่นกัน เอาล่ะค่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีเรื่องราวตำนานความรักสุดซึ้งของคิวปิดมาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ

          เทพคิวปิด (Cupid) หรือ เทพอีรอส (Eros) ในภาษากรีก และ เทพอามอร์ (Amor) ในภาษาโรมัน เป็นกามเทพ หรือเทพแห่งความรัก เป็นโอรสของเทพเจ้ามาร์และเทพีวีนัส โดยคิวปิด ถือกันว่าเป็นเทพเจ้าที่มีรูปลักษณะงามที่สุดในบรรดาเทพทั้งหลาย และมีฤทธิ์ที่จะบันดาลให้ใครรักใครก็ได้ และตำนานความรักครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อนางไซคี ผู้มีรูปโฉมงดงาม เป็นที่เลื่องลือ ผู้ที่ได้พบเห็นต่างก็ลุ่มหลงเทิดทูนจนลืมที่จะบูชาเทพีวีนัส เทพีแห่งความงาม มารดาของคิวปิดไป ทำให้เทพีวีนัสเกิดความไม่พอใจ จึงสั่งให้คิวปิดไปทำให้ไซคีไปหลงรักชายที่เลวทรามต่ำช้าสักคนหนึ่ง 

          คิวปิดได้ฟังดังนั้นจึงรีบไปทำตามคำสั่งแม่ โดยลอบเข้าไปในห้องนอนของไซคี ขณะนางกำลังหลับอยู่ ตั้งใจจะยิงศรตามคำสั่งแม่ แต่เมื่อเห็นรูปโฉมของนาง คิวปิดกลับตกตะลึง และกลับทำลูกศรในมือทิ่มแทงตัวเอง คิวปิดจึงหลงรักไซคีนับแต่บัดนั้น แต่ก็ทำอะไรเปิดเผยไม่ได้ เพราะกลัวแม่ จนกระทั่งพี่สาวของนางไซคีออกเรือนกันไปหมด พ่อแม่ของนาง จึงต้องอ้อนวอนบวงสรวง เทพอพอลโล เทพแห่งการพยากรณ์ว่า เมื่อไรนางไซคีจึงจะได้พบเนื้อคู่ และเนื้อคู่เป็นใคร อยู่ที่ไหน เทพอพอลโล ก็พยากรณ์ว่า คู่ครองของนางไซคีไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอมนุษย์ และรอคอยนางที่ยอดเขา แต่นางจะต้องไม่มองดูคู่ครองของเธอโดยเด็ดขาด 

          ทั้งพ่อและแม่ จึงไปส่งนางไซคีที่ยอดเขาและทิ้งไว้เพียงลำพัง เทพเสฟไฟรัส (Zephyrus) เทพประจำลมตะวันตก จึงพัดพาเธอไปยังปราสาทที่กามเทพคิวปิดเนรมิตไว้ ห้อมล้อมด้วยหุบเขาซึ่งมีธรรมชาติอันสวยงาม ตกกลางคืนคิวปิดก็มาครองคู่อยู่กับไซคี โดยนางมองไม่เห็นว่าเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร ทั้งนี้ เนื่องจากคิวปิดขอคำมั่นสัญญาจากนางไซคีว่า จะไม่จุดไฟหรือพยายามมองเห็นตัวเขาว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ไซคีก็รับปาก พอรุ่งสางคิวปิดก็จากไป 

          ต่อมานางไซคีได้เชื้อเชิญพี่สาวทั้งสองของนางมาเที่ยวยังปราสาท แต่เมื่อพี่สาวของนางมาพบเห็นปราสาทที่งดงาม ก็รู้สึกอิจฉาในโชคลาภวาสนาของน้องสาว จึงยุยงให้ไซคี ลอบดูตัวสามี โดยวางแผนไว้ว่า หากพบเห็นว่าเป็นอมนุษย์ที่น่าเกลียดก็ให้ฆ่าเสีย นางก็เชื่อในคำยุยงนั้น โดยซ่อนตะเกียง และมีดเอาไว้ใต้เตียง เมื่อคิวปิดหลับไป นางจึงลอบจุดตะเกียงส่องดูสามี และพบว่าสามีของนาง เป็นชายหนุ่มรูปงามกว่าชายใด ๆ ที่เธอเคยพบมา 

          แต่ทันใดนั้น น้ำมันตะเกียง ก็หยดลงต้องกายคิวปิดจึงตื่นขึ้น และเมื่อเห็นว่าภรรยาของตน ละเมิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ คิวปิดจึงบอกนางว่า “ความรักไม่อาจดำรงอยู่ได้ ถ้าปราศจากความไว้วางใจ ข้าจะลงโทษเจ้า ด้วยการจากเจ้าไปตลอดกาล” จากนั้นคิวปิดก็บินจากไป พร้อมกันนั้นปราสาท และอุทยานที่งดงาม พลันอันตรธานหายไปด้วย


          ไซคีเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น นางพร่ำโทษตัวเองที่ผิดคำสัญญา นางจึงตัดสินใจ ละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อติดตามหาคิวปิด ซึ่งยากลำบากมากสำหรับผู้หญิงอ่อนแอและบอบบางอย่างไซคี นางจึงซัดเซพเนจรรอนแรม จนพบเข้ากับวิหารเทพีดิมิเทอร์ เทพีเเห่งพืชผล ซึ่งของบูชานั้น วางระเกะระกะไม่มีระเบียบเพราะชาวไร่ต่างเหนื่อยล้าจากการทำงาน ไซคีจึงจัดระเบียบ ของเซ่นสรวงจนเรียบร้อย เทพีดิมิเทอร์พอใจมาก จึงบอกให้ไซคีไปที่วิหารของเทพีวีนัสเพื่อขออภัยโทษ

          แต่เทพีวีนัส ผู้ซึ่งมีความริษยาแรง จึงหาทางกลั่นแกล้งไซคีต่าง ๆ นานา โดยให้ไซคีผ่านภารกิจทั้ง 3 อย่างเสียก่อน โดยภารกิจแรก นางไซคีต้องแยกเมล็ดข้าว ข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวโพด ถั่ว และธัญญาหารชนิดต่าง ๆ ที่ปะปนอยู่ในฉางแยกออกมาให้เสร็จก่อนค่ำ เพื่อให้นกพิราบของพระนางกิน ไซคีถึงกับท้อแท้ใจ เพราะนางเป็นแค่หญิงมนุษย์ธรรมดา ไม่มีทางจะทำสิ่งที่เกินความสามารถเช่นนี้ได้แน่นอน ในขณะนั้นคิวปิดที่คอยเฝ้ามองดูแลไซคีอยู่ห่าง ๆ ตลอดเวลาก็ส่งมดฝูงใหญ่มาช่วยงานไซคี โดยมดทั้งหมด ต่างแยกธัญญาหารอย่างเรียบร้อย และรีบกลับไปก่อนค่ำ

          เทพีวีนัสกริ้วมาก เพราะรู้ว่าไซคีไม่ได้ทำเอง และคนที่ช่วยเหลือนางก็คือโอรสของพระนางนั่นเอง จึงสั่งให้ไซคี ไปเก็บขนแกะทองคำมาให้พระนาง ซึ่งแกะขนทองฝูงนั้นโหดร้ายมาก แต่เทพประจำแม่น้ำก็ช่วยเหลือไซคี บอกเคล็ดลับจนไซคีสามารถผ่านภารกิจที่สองได้สำเร็จ เมื่อไซคีผ่านทั้งสองภารกิจมาได้ เทพีวีนัสถึงกับกริ้ว และคิดแผนการร้ายกาจที่สุดขึ้นมาได้ โดยรับสั่งให้ไซคี นำผอบไปขอเครื่องประทินโฉมจากเทพีเปอร์เซโฟนี มเหสีของ เทพฮาเดส แห่งยมโลกมาถวายพระนาง ซึ่งหมายถึง การส่งไซคีไปตายนั่นเอง

          ไซคีท้อถอยหมดกำลังใจอย่างมากเมื่อรู้ความหมายของเทพีวีนัส นางจึงคิดว่า ดีเหมือนกัน ในเมื่อสามี ไม่เหลียวมองตนอีกต่อไปแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ดังนั้น ไซคีจึงขึ้นไปยังยอดผา เตรียมตัวกระโดดฆ่าตัวตายไปสู่ยมโลก แต่ยังไม่ทันที่ไซคีจะทำตามความตั้งใจ คิวปิดที่เฝ้ามองนางอยู่ จึงเอ่ยปลอบประโลมนางอย่างอ่อนโยนด้วยความรักและสงสาร ทว่าทิฐิก็ยังทำให้คิวปิดไม่ยอมปรากฏกาย เมื่อไซคีได้ยินเสียงปลอบใจปริศนานั้นก็ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อ คิวปิดบอกวิธีต่าง ๆ ในการไปนรก อย่างปลอดภัยให้กับไซคี พร้อมกับย้ำเตือนนางไม่ให้นางเปิดผอบเครื่องประทินโฉมนั้นเป็นอันขาด


          แต่ไซคีไม่สามารถอดใจได้ เพราะคิดว่าเครื่องประกอบความงามนั้น จะทำให้เธองดงามกว่าเดิม เพื่อว่าสามีของเธอจะเกิดความยินดีเมื่อได้พบหน้าเธออีกครั้ง เมื่อเปิดผอบขึ้น เธอก็ล้มสลบลงทันที เพราะเครื่องประกอบความงาม ที่อยู่ในผอบก็คือเวทมนตร์แห่งความหลับใหลในยมโลก

          เมื่อนางไซคีสลบไปแล้ว เทพคิวปิดก็รีบเข้ามาช่วยเหลือนำเวทมนตร์แห่งความหลับใหลนั่น เก็บใส่ผอบอย่างเดิม และปลุกไซคีให้ฟื้นขึ้น และชี้ให้ไซคีเห็นโทษของความอยากรู้อยากเห็นที่เกิดขึ้นกับนางถึงสองครั้งแล้ว จากนั้นคิวปิดได้ทูลขอมหาเทพซุส ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เทพีวีนัสยกโทษให้ไซคี และ บันดาลให้นางไซคี ได้ความเป็นอมตะ เซ่นเหล่าทวยเทพทั้งหลาย ตั้งแต่นั้นเทพคิวปิดและนางไซคีจึงได้ครองคู่อย่างเป็นสุข
 
          สำหรับตำนานรักของคิวปิดและไซคีนี้ หากเราถอดความหมายจริง ๆ ก็จะพบว่า คู่รัก หรือแม้แต่สามีภรรยาจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ด้วยกันได้ก็ต่อเมื่อมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และหากเกิดอุปสรรคใด ๆ ขึ้นมา ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรค และในที่สุดก็จะพบกับความสุขที่แท้จริงนั่นเอง


http://hilight.kapook.com/view/7215