วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2557

Bars and Melody - Hopeful



โปรดปรานเพลงนี้เป็นพิเศษ 5555555♥ มาฟังกันดีกว่า เพลงเพราะความหมายเพลงโอเคมากๆเลยนะ

Please help me God, I feel so alone
I'm just a kid, how can I take it on my own
I've cried too many tears yeah writing this song
Trying to fit in, where do I belong?
I wake up every day, don't want to leave my home
My momma's askin' me why I'm always alone
Too scared to say, too scared to holler
I'm walking to school with sweat around my collar
I'm just a kid, I don't want no stress
My nerves are bad, my life's a mess
The names you call me, they hurt real bad
I want to tell my Mom
She's havin' trouble with my Dad
I feel so trapped there's nowhere to turn
Coming to school
Don't wanna fight I wanna learn
So please mister bully
Tell me what I've done
You know I have no Dad
I'm livin' with my Mom

ได้โปรด พระเจ้าช่วยลูกด้วย ลูกรู้สึกโดดเดี่ยวเหลือเกิน
ลูกเป็นแค่เด็กคนนึง ลูกจะผ่านพ้นมันไปได้ด้วยตัวเองได้ยังไง
ฉันร้องไห้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วในการแต่งเพลงนี้
พยายามจะเข้าสังคมให้ได้ ฉันคู่ควรกับที่ไหนนะ?
ฉันตื่นขึ้นมาทุกๆวัน ไม่อยากจะออกจากบ้านเลย
แม่ฉันถามเสมอว่าทำไมฉันถึงอยู่ตัวคนเดียว
แต่ฉันก็กลัวเกินกว่าจะพูดออกไป กลัวเกินกว่าจะเรียกหาใคร
ฉันเดินไปโรงเรียนพร้อมกับเหงื่อท่วมปกคอเสื้อ
ฉันเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ไม่อยากจะเครียดอะไรมากมาย
สมองฉันปั่นป่วนไปหมด ชีวิตฉันมันเละเทะ
ชื่อต่างๆที่นายเรียกฉัน มันเจ็บปวดจริงๆนะ
ฉันอยากจะบอกแม่ฉัน
แต่ท่านก็มีปัญหากับพ่ออยู่
ฉันรู้สึกหมดหนทาง ไร้ที่ไปจริงๆ
แค่อยากจะไปโรงเรียน
ไม่ได้อยากจะทะเลาะกับใคร แค่อยากจะเรียนหนังสือ
ได้โปรดเถอะ คุณจอมรังแก
บอกทีว่าฉันทำอะไรให้นาย
รู้มั้ยว่าฉันไม่มีพ่อ
และฉันก็อยู่กับแม่แค่สองคน

Just be hopeful, yes I am
Hopeful for today
Take this music and use it
Let it take you away
And be hopeful, hopeful
And He'll make a way
I know it ain't easy but that's okay
Just be hopeful

จงมีความหวังเข้าไว้ ใช่แล้ว
มีความหวังในวันนี้
นำเอาเพลงนี้ไปใช้
ให้มันนำพาคุณไป
และจงมีความหวัง
และท่านจะสร้างหนทางให้คุณเอง
ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายหรอกนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก
แค่มีความหวังเข้าไว้

Why do you trip bout the color on my skin
No whether I'm fat or whether I'm thin
You call me a loser
You call me a fool
I ain't got a choice I gotta go to school
I wish I had an angel to stand by my side
I'm shaking with fear I'm so scared inside
Doesn't really matter if I ain't got the look
Why do you always hurt me and destroy my book?

ทำไมนายถึงมาแหย่ฉันในเรื่องสีผิวฉันตลอด
ไม่ว่าฉันจะอ้วนหรือผม
นายก็เรียกฉันว่าไอขี้แพ้
หรือไงโง่เสมอ
ฉันไม่มีทางเลือกนี่นา ยังไงก็ต้องไปเรียน
ฉันหวังว่าฉันจะมีนางฟ้าคอยคุ้มครองฉันอยู่จังเลย
ฉันสั่นไปด้วยความกลัว มันน่ากลัวจริงๆนะ
ไม่สำคัญหรอกว่าฉันจะหน้าตาเป็นยังไง
ทำไมนายต้องทำร้ายฉัน และทำลายหนังสือฉันทุกที?

I'm hopeful, yes I am
Hopeful for today
Take this music and use it
Let it take you away
And be hopeful, hopeful
And He'll make a way
I know it ain't easy but that's okay
Just be hopeful

จงมีความหวังเข้าไว้ ใช่แล้ว
มีความหวังในวันนี้
นำเอาเพลงนี้ไปใช้
ให้มันนำพาคุณไป
และจงมีความหวัง
และท่านจะสร้างหนทางให้คุณเอง
ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายหรอกนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก
แค่มีความหวังเข้าไว้

I give you all my money every single day
I didn't ask to be born but now I have to pay
I ain't got no money, you take all I have
When I give it to you, I search through My bags
I wrote this song for you to see
We could be friends, yeah you and me
Mister bully, take in all my pleas
Every single day you bring me to my knees

สิ่งที่ฉันสวมอยู่คือทุกๆสิ่งที่ฉันมี
ฉันไม่ได้มีใครขอให้เกิดมาก็จริง แต่ตอนนี้ฉันต้องใช้เงินนะ
และฉันก็ไม่มีเงินแล้วเพราะนายเอาไปหมดเลย
เวลาที่ฉันให้นาย ฉันต้องควานหาทั้งกระเป๋าของฉัน
ฉันแต่งเพลงนี้ให้นายนะ
เราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้นะ นายกับฉันน่ะ
คุณจอมรังแก ฟังคำขอร้องของฉันหน่อยเถอะ
ทุกๆวัน นายนี่แหละที่ทำให้ฉันไร้พลัง

Hopeful, yes I am
Hopeful for today
Take this music and use it
Let it take you away
And be hopeful, hopeful
And He'll make a way
I know it ain't easy but that's okay
Just be hopeful

จงมีความหวังเข้าไว้ ใช่แล้ว
มีความหวังในวันนี้
นำเอาเพลงนี้ไปใช้
ให้มันนำพาคุณไป
และจงมีความหวัง
และท่านจะสร้างหนทางให้คุณเอง
ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายหรอกนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก
แค่มีความหวังเข้าไว้

What I wear is all I have
We lost our home, I'm livin' from a bag
Yo mister bully, help me please
I'm flesh and blood, accept me please

สิ่งที่ฉันสวมอยู่คือทุกๆสิ่งที่ฉันมี
เราเสียบ้านไป ฉันใช้ชีวิตอยู่ด้วยกระเป๋าใบนี้
ว่าไง พ่อจอมรังแก ช่วยฉันทีเถอะ
ฉันก็มีเลือดมีเนื้อนะ ยอมรับฉันเถอะ

จากเว็บไซต์ : https://www.youtube.com/watch?v=wT3RhIJZu4k

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เคล็ดลับ 7 ขั้นตอนการเตรียมตัวสอบ Admission!!

เคล็ดลับ 7 ขั้นตอนการเตรียมตัวสอบ Admission
1. ค้นหาตัวเอง และคณะที่ตัวเองชอบ : การจะทำอะไรให้มันสำเร็จได้มันต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน คนส่วนใหญ่มักคิดว่าเป้าหมายของการสอบ Admission ก็คือทำคะแนน GAT/PAT และ O-NET ให้มันดี แต่จริง ๆ แล้วการวางเป้าหมายแค่นั้นมักไม่เพียงพอ เพราะเวลาเราเหนื่อยเราท้อกับการอ่านหนังสือ เราจะเลิกความคิดที่จะทำคะแนนสูง ๆ อีกต่อไป และสาเหตุที่เป็นแบบนี้เพราะเราไม่มีหลักจริง ๆ
Tips: เทคนิคในการค้นหาตัวเอง และคณะที่ตัวเองชื่นชอบ
1) พิจารณาจากบุคลิกภาพและลักษณะนิสัยส่วนตัว
2) พิจารณาจากความสามารถทางด้านวิชาการ
3) หาข้อมูลจากรุ่นพี่ๆประกอบการตัดสินใจ
ลองเข้ามาทำแบบทดสอบค้นหาตัวเองได้ที่
http://www.trueplookpanya.com/true/quiz_holland_readiness.php
หรือไปดูว่าอาชีพต่าง ๆ เขาทำอะไร อย่างไร ต้องเรียนอะไร และที่ไหนมีสอนบ้างในรายการ I AM

2. รวบรวมข้อมูล :
 หลังจากรวบรวมข้อมูลแล้วตัดสินใจได้ว่าอยากเรียนคณะอะไร หรืออยากทำอาชีพอะไรแล้ว คราวนี้เราก็มาหาที่เรียนกันโดยการรวบรวมข้อมูลของคณะที่เราอยากจะเข้า พิจารณาคณะที่เราต้องการในหลาย ๆ มหาวิทยาลัย ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการสมัครว่ามีวิธีการรับทางใดได้บ้าง เพราะในบางคณะจะมีวิธีการรับเข้าหลายวิธีด้วยกัน เช่น การรับตรง (โควต้า) หรือ การใช้คะแนน GAT/PAT รอบแรก นอกจากนั้นบางคณะยังมีภาคภาษาอังกฤษอีกด้วย เราจึงควรรวบรวมข้อมูลโดยอ้างอิงจากข้อมูลปีที่แล้วว่าจะมีการเปิดให้สมัคร และมีการสอบในช่วงใดของปี วิชาที่ใช้สอบและเนื้อหาข้อสอบ เมื่อได้ข้อมูลทั้งหมดแล้วให้เขียนไว้ในปฏิทินว่าช่วงไหนน่าจะมีอะไรเปิด บ้าง จากนั้นก็คอยติดตามข่าวจาก website คณะหรือมหาวิทยาลัย
ค้นหาข้อมูลสถาบันต่าง ๆ ได้ที่
http://www.trueplookpanya.com/true/guidance_after_m3.php?cms_category_id=122

3. ทดสอบตัวเอง : เมื่อรู้ข้อมูลวิชาที่ต้องการจะสอบแล้ว ให้ลองทำการจำลองการสอบด้วยตัวเอง จับเวลาให้เหมือนข้อสอบจริง และสอบให้ครบทุกวิชา ย้ำว่าต้องจับเวลาแบบจริงจัง จากนั้นก็ตรวจข้อสอบ แล้วดูคะแนนที่ทำได้ เทียบกับคะแนนต่ำสุดของคณะนั้นๆที่เราต้องการ แน่นอนว่าคะแนนของเราก็มักจะต่ำกว่าคะแนนต่ำสุด เพราะอาจจะมีอีกหลายบทที่ยังไม่ได้เรียน หรือยังไม่ได้ทบทวน คะแนนย่อมน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่สิ่งที่เราต้องการคือการประเมินว่าเราห่างจากเป้าหมายของเรามากแค่ไหน แล้วอะไรหรือวิชาใดที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าคณะนั้น

4. จัดตารางการอ่านหนังสือ :
 เมื่อรู้แล้วว่าอะไรคือจุดอ่อนของเรา วิชาใด หรือบทใดที่จำเป็นต่อการสอบ แต่เรายังมีความรู้ไม่แน่นพอ ตอนนี้ก็ถึงเวลาวางตารางการอ่านหนังสือ ระยะเวลาและความหนักเบาของการอ่านหนังสือนั้นไม่สามารถจะกำหนดได้ชัดเจน ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเรียนรู้จดจำ และที่ขาดไม่ได้คือต้องประเมินว่าคณะที่เราเลือกมีคู่แข่ง และคะแนนต่ำสุดมากน้อยแค่ไหน การจัดตารางการอ่านหนังสือควรจะวางแผนอ่านหนังสือให้เสร็จ 1 เดือนก่อนวันสอบ เพราะว่า 1 เดือนไม่ควรจะมาทบทวนเนื้อหาแล้ว ควรจะฝึกทำโจทย์จับเวลาและเน้นพัฒนาด้านเทคนิคเท่านั้น
ทบทวนเนื้อหารการเรียนได้ที่รายการสอนศาสตร์

5. ตะลุยข้อสอบ :
 1 เดือนก่อนวันสอบจริง ให้เริ่มทำข้อสอบเสมือนจริงและจับเวลาเสมือนจริง อาทิตย์ละ 1 ครั้ง ส่วนวันอื่นๆก็ให้จัดตารางทำข้อสอบเป็นรายวิชาแยกไปแต่ละวัน ทุกๆอาทิตย์ก็ทำการประเมินว่ายังมีตรงไหนที่ไม่กระจ่าง ไม่เคลียร์ ทำการทบทวนและปรึกษาผู้รู้ หรือเพื่อนที่ถนัดวิชานั้นๆ มาช่วยก็ได้
ฝึกทำข้อสอบออนไลน์ได้ที่
http://www.trueplookpanya.com/true/guidance_after_m3.php?cms_category_id=122

6.  ทำใจให้พร้อม :
 ฝึกสมองมามากแล้ว อย่าลืมฝึกจิตใจ หาเวลานั่งสมาธิเพื่อลดความประหม่า ยิ่งใกล้วันสอบ ยิ่งคณะที่เราเลือกมีการแข่งขันสูง ความประหม่าก็ยิ่งมา ความประหม่าและความเครียดอาจจะทำให้วันสำคัญของเราล้มเหลวได้ ดังนั้นขอให้เชื่อในความรู้และความสามารถของตัวเอง คิดซะว่าผลมันคือเรื่องรอง ความพยายามและความตั้งใจจริงคือสิ่งสำคัญที่สุดในการสอบ

7. เตรียมเอกสารและอุปกรณ์การสอบให้ครบ 1 วันก่อนวันสอบ :
 เตรียมเอกสาร เหลาดินสอ ปากกา ยางลบ และบัตรประจำตัวต่างๆไว้ในซองใสเตรียมให้ครบก่อนหน้าวันที่จะสอบ อย่าเตรียมของตอนเช้าของวันสอบ ความตื่นเต้น และความลนอาจจะทำให้เราเผลอลืมหยิบสิ่งสำคัญเหล่านี้ได้

ตำนานคิวปิด♥



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          คิวปิด ประวัติคิวปิด ตำนานคิวปิดกับไซคี คิวปิด คือใคร เกี่ยวข้องกับความรัก วันวาเลนไทน์ และ ดอกกุหลาบ อย่างไร วันนี้เรามีประวัติคิวปิดมาฝาก 

          ใกล้วันวาเลนไทน์ (14 กุมภาพันธ์) เข้ามาแล้วทุกที หนุ่มสาวคู่รักทั้งหลายคงจะนับวันรอที่จะได้ฉลองเทศกาลอันแสนพิเศษนี้กับคนรักอย่างสวีทหวานแหวว จนกลายเป็นอีกหนึ่งเทศกาลสำคัญสำหรับคนไทยไปแล้ว ซึ่งสิ่งแรกที่ทุกคนคิดถึงในวันนี้คงจะหนีไม่พ้น ดอกกุหลาบสีแดง ที่สื่อถึงความรักของผู้ให้ได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญต่อเทศกาลนี้ไม่แพ้กัน นั่นคือ คิวปิด ซึ่งหลาย ๆ คนคงจะจินตนาการภาพของเด็กน่ารักที่มีปีก ในมือถือคันธนูกับลูกศร เพื่อยิงศรรักปักหัวใจของใครต่อใคร แล้วรู้หรือไม่ว่าเทพเจ้าคิวปิดก็มีตำนานความรักอมตะสุดคลาสิคไม่แพ้โรมิโอ-จูเลียต หรือ แจ๊ค-โรส ในไททานิค เช่นกัน เอาล่ะค่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีเรื่องราวตำนานความรักสุดซึ้งของคิวปิดมาฝากเพื่อน ๆ กันค่ะ

          เทพคิวปิด (Cupid) หรือ เทพอีรอส (Eros) ในภาษากรีก และ เทพอามอร์ (Amor) ในภาษาโรมัน เป็นกามเทพ หรือเทพแห่งความรัก เป็นโอรสของเทพเจ้ามาร์และเทพีวีนัส โดยคิวปิด ถือกันว่าเป็นเทพเจ้าที่มีรูปลักษณะงามที่สุดในบรรดาเทพทั้งหลาย และมีฤทธิ์ที่จะบันดาลให้ใครรักใครก็ได้ และตำนานความรักครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อนางไซคี ผู้มีรูปโฉมงดงาม เป็นที่เลื่องลือ ผู้ที่ได้พบเห็นต่างก็ลุ่มหลงเทิดทูนจนลืมที่จะบูชาเทพีวีนัส เทพีแห่งความงาม มารดาของคิวปิดไป ทำให้เทพีวีนัสเกิดความไม่พอใจ จึงสั่งให้คิวปิดไปทำให้ไซคีไปหลงรักชายที่เลวทรามต่ำช้าสักคนหนึ่ง 

          คิวปิดได้ฟังดังนั้นจึงรีบไปทำตามคำสั่งแม่ โดยลอบเข้าไปในห้องนอนของไซคี ขณะนางกำลังหลับอยู่ ตั้งใจจะยิงศรตามคำสั่งแม่ แต่เมื่อเห็นรูปโฉมของนาง คิวปิดกลับตกตะลึง และกลับทำลูกศรในมือทิ่มแทงตัวเอง คิวปิดจึงหลงรักไซคีนับแต่บัดนั้น แต่ก็ทำอะไรเปิดเผยไม่ได้ เพราะกลัวแม่ จนกระทั่งพี่สาวของนางไซคีออกเรือนกันไปหมด พ่อแม่ของนาง จึงต้องอ้อนวอนบวงสรวง เทพอพอลโล เทพแห่งการพยากรณ์ว่า เมื่อไรนางไซคีจึงจะได้พบเนื้อคู่ และเนื้อคู่เป็นใคร อยู่ที่ไหน เทพอพอลโล ก็พยากรณ์ว่า คู่ครองของนางไซคีไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอมนุษย์ และรอคอยนางที่ยอดเขา แต่นางจะต้องไม่มองดูคู่ครองของเธอโดยเด็ดขาด 

          ทั้งพ่อและแม่ จึงไปส่งนางไซคีที่ยอดเขาและทิ้งไว้เพียงลำพัง เทพเสฟไฟรัส (Zephyrus) เทพประจำลมตะวันตก จึงพัดพาเธอไปยังปราสาทที่กามเทพคิวปิดเนรมิตไว้ ห้อมล้อมด้วยหุบเขาซึ่งมีธรรมชาติอันสวยงาม ตกกลางคืนคิวปิดก็มาครองคู่อยู่กับไซคี โดยนางมองไม่เห็นว่าเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร ทั้งนี้ เนื่องจากคิวปิดขอคำมั่นสัญญาจากนางไซคีว่า จะไม่จุดไฟหรือพยายามมองเห็นตัวเขาว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ไซคีก็รับปาก พอรุ่งสางคิวปิดก็จากไป 

          ต่อมานางไซคีได้เชื้อเชิญพี่สาวทั้งสองของนางมาเที่ยวยังปราสาท แต่เมื่อพี่สาวของนางมาพบเห็นปราสาทที่งดงาม ก็รู้สึกอิจฉาในโชคลาภวาสนาของน้องสาว จึงยุยงให้ไซคี ลอบดูตัวสามี โดยวางแผนไว้ว่า หากพบเห็นว่าเป็นอมนุษย์ที่น่าเกลียดก็ให้ฆ่าเสีย นางก็เชื่อในคำยุยงนั้น โดยซ่อนตะเกียง และมีดเอาไว้ใต้เตียง เมื่อคิวปิดหลับไป นางจึงลอบจุดตะเกียงส่องดูสามี และพบว่าสามีของนาง เป็นชายหนุ่มรูปงามกว่าชายใด ๆ ที่เธอเคยพบมา 

          แต่ทันใดนั้น น้ำมันตะเกียง ก็หยดลงต้องกายคิวปิดจึงตื่นขึ้น และเมื่อเห็นว่าภรรยาของตน ละเมิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ คิวปิดจึงบอกนางว่า “ความรักไม่อาจดำรงอยู่ได้ ถ้าปราศจากความไว้วางใจ ข้าจะลงโทษเจ้า ด้วยการจากเจ้าไปตลอดกาล” จากนั้นคิวปิดก็บินจากไป พร้อมกันนั้นปราสาท และอุทยานที่งดงาม พลันอันตรธานหายไปด้วย


          ไซคีเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น นางพร่ำโทษตัวเองที่ผิดคำสัญญา นางจึงตัดสินใจ ละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อติดตามหาคิวปิด ซึ่งยากลำบากมากสำหรับผู้หญิงอ่อนแอและบอบบางอย่างไซคี นางจึงซัดเซพเนจรรอนแรม จนพบเข้ากับวิหารเทพีดิมิเทอร์ เทพีเเห่งพืชผล ซึ่งของบูชานั้น วางระเกะระกะไม่มีระเบียบเพราะชาวไร่ต่างเหนื่อยล้าจากการทำงาน ไซคีจึงจัดระเบียบ ของเซ่นสรวงจนเรียบร้อย เทพีดิมิเทอร์พอใจมาก จึงบอกให้ไซคีไปที่วิหารของเทพีวีนัสเพื่อขออภัยโทษ

          แต่เทพีวีนัส ผู้ซึ่งมีความริษยาแรง จึงหาทางกลั่นแกล้งไซคีต่าง ๆ นานา โดยให้ไซคีผ่านภารกิจทั้ง 3 อย่างเสียก่อน โดยภารกิจแรก นางไซคีต้องแยกเมล็ดข้าว ข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวโพด ถั่ว และธัญญาหารชนิดต่าง ๆ ที่ปะปนอยู่ในฉางแยกออกมาให้เสร็จก่อนค่ำ เพื่อให้นกพิราบของพระนางกิน ไซคีถึงกับท้อแท้ใจ เพราะนางเป็นแค่หญิงมนุษย์ธรรมดา ไม่มีทางจะทำสิ่งที่เกินความสามารถเช่นนี้ได้แน่นอน ในขณะนั้นคิวปิดที่คอยเฝ้ามองดูแลไซคีอยู่ห่าง ๆ ตลอดเวลาก็ส่งมดฝูงใหญ่มาช่วยงานไซคี โดยมดทั้งหมด ต่างแยกธัญญาหารอย่างเรียบร้อย และรีบกลับไปก่อนค่ำ

          เทพีวีนัสกริ้วมาก เพราะรู้ว่าไซคีไม่ได้ทำเอง และคนที่ช่วยเหลือนางก็คือโอรสของพระนางนั่นเอง จึงสั่งให้ไซคี ไปเก็บขนแกะทองคำมาให้พระนาง ซึ่งแกะขนทองฝูงนั้นโหดร้ายมาก แต่เทพประจำแม่น้ำก็ช่วยเหลือไซคี บอกเคล็ดลับจนไซคีสามารถผ่านภารกิจที่สองได้สำเร็จ เมื่อไซคีผ่านทั้งสองภารกิจมาได้ เทพีวีนัสถึงกับกริ้ว และคิดแผนการร้ายกาจที่สุดขึ้นมาได้ โดยรับสั่งให้ไซคี นำผอบไปขอเครื่องประทินโฉมจากเทพีเปอร์เซโฟนี มเหสีของ เทพฮาเดส แห่งยมโลกมาถวายพระนาง ซึ่งหมายถึง การส่งไซคีไปตายนั่นเอง

          ไซคีท้อถอยหมดกำลังใจอย่างมากเมื่อรู้ความหมายของเทพีวีนัส นางจึงคิดว่า ดีเหมือนกัน ในเมื่อสามี ไม่เหลียวมองตนอีกต่อไปแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ดังนั้น ไซคีจึงขึ้นไปยังยอดผา เตรียมตัวกระโดดฆ่าตัวตายไปสู่ยมโลก แต่ยังไม่ทันที่ไซคีจะทำตามความตั้งใจ คิวปิดที่เฝ้ามองนางอยู่ จึงเอ่ยปลอบประโลมนางอย่างอ่อนโยนด้วยความรักและสงสาร ทว่าทิฐิก็ยังทำให้คิวปิดไม่ยอมปรากฏกาย เมื่อไซคีได้ยินเสียงปลอบใจปริศนานั้นก็ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อ คิวปิดบอกวิธีต่าง ๆ ในการไปนรก อย่างปลอดภัยให้กับไซคี พร้อมกับย้ำเตือนนางไม่ให้นางเปิดผอบเครื่องประทินโฉมนั้นเป็นอันขาด


          แต่ไซคีไม่สามารถอดใจได้ เพราะคิดว่าเครื่องประกอบความงามนั้น จะทำให้เธองดงามกว่าเดิม เพื่อว่าสามีของเธอจะเกิดความยินดีเมื่อได้พบหน้าเธออีกครั้ง เมื่อเปิดผอบขึ้น เธอก็ล้มสลบลงทันที เพราะเครื่องประกอบความงาม ที่อยู่ในผอบก็คือเวทมนตร์แห่งความหลับใหลในยมโลก

          เมื่อนางไซคีสลบไปแล้ว เทพคิวปิดก็รีบเข้ามาช่วยเหลือนำเวทมนตร์แห่งความหลับใหลนั่น เก็บใส่ผอบอย่างเดิม และปลุกไซคีให้ฟื้นขึ้น และชี้ให้ไซคีเห็นโทษของความอยากรู้อยากเห็นที่เกิดขึ้นกับนางถึงสองครั้งแล้ว จากนั้นคิวปิดได้ทูลขอมหาเทพซุส ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เทพีวีนัสยกโทษให้ไซคี และ บันดาลให้นางไซคี ได้ความเป็นอมตะ เซ่นเหล่าทวยเทพทั้งหลาย ตั้งแต่นั้นเทพคิวปิดและนางไซคีจึงได้ครองคู่อย่างเป็นสุข
 
          สำหรับตำนานรักของคิวปิดและไซคีนี้ หากเราถอดความหมายจริง ๆ ก็จะพบว่า คู่รัก หรือแม้แต่สามีภรรยาจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ด้วยกันได้ก็ต่อเมื่อมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และหากเกิดอุปสรรคใด ๆ ขึ้นมา ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรค และในที่สุดก็จะพบกับความสุขที่แท้จริงนั่นเอง


http://hilight.kapook.com/view/7215

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557

รู้หรือยัง??

ต้นกำเนิดเฟอร์บี้ ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์


ตอนนี้ ตุ๊กตายอดฮิตคงจะหนีไม่พ้น ตุ๊กตาเฟอร์บี้ Furby ที่ต่างคนมาให้ความสนใจจน น้องตุ๊กตาบลายน้อยอกน้อยใจ .. ?ตุ๊กตาเฟอร์บี้ ตามที่หลายๆคนคิดกันนั้นคงจะเป็น ลูกครึ่งนกฮูกผสมกับหนูแฮมสเตอร์ ใช่ไหมหล่ะ!! แต่ที่ไหนได้?ต้นกำเนิดเฟอร์บี้ ที่แท้จริงคือลิงจิ๋ว ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ นี่เอง !! วันนี้ teen.mthai ก็เลย นำข้อมูล เกร็ดความรู้ ของเจ้าลิงจิ๋วปิ๊กมี่ มาฝากเพื่อนๆกันคะ ^^
ต้นกำเนิดเฟอร์บี้ ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ furby teen.mthai

ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ (Pygmy Tarsier)?

“ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซีย” นั้นมีคนเชื่อกันว่ามันได้สุญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่ก่อนศตวรรษที่ 20 สิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วที่ไม่เคยมีผู้ใดเห็นมากว่า 80 ปี จนกระทั้งมีผู้ค้นพบอีกครั้งในปี ปี ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) บนเทือกเขารอคาทิมโบ ในเกาะสุลาเวสีประเทศอินโดนีเซีย ซึ่ง?ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ นี้ถือว่าเป็น?หนึ่งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ขนาดเล็กและหายากที่สุด?

ต้นกำเนิดเฟอร์บี้ ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ ?:?ข้อมูลลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ ลิงจิ๋ว

  • เป็นสัตว์ในตระกูลไพรเมท จัดในพวกเลมูร์ และบุชเบบี้
  • เป็นสิ่งมีชีวิตจำพวกลิงไม่มีหาง ตัวของมันเล็กกว่าทาร์เซียร์ชนิดอื่นๆ มีหูขนาดเล็กกว่าทาร์เซียร์ชนิดอื่น
  • น้ำหนักประมาณ 50 – 57 กรัม (2 ออนซ์)
  • ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์นั้นเมื่อเติบโตเต็มที่?จะมีความยาวลำตัวประมาณ 95-105?ม.ม. (ประมาณ 4 นิ้ว)?ความยาวตั้งแต่หัวถึงหางจะยาวอยู่ที่ประมาณ?135-275 ม.ม.
  • มีขนสีน้ำตาลอม หรือน้ำตาลอมแดง หางเรียวยาวสีน้ำตาล
ต้นกำเนิดเฟอร์บี้ ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ furby teen.mthai

ต้นกำเนิดเฟอร์บี้ ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ :? ลักษณะเด่นลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์

  • ดวงตากลมที่มีขนาดใหญ่ มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 16 มิลลิเมตร
  • ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ยังมีเล็บนิ้วมือทั้งหมด 5 นิ้ว และนิ้วมือมันค่อนข้างยาวเพื่อช่วยในการปีนป่ายต้นไม้ได้รวดเร็วและเพื่อใช้จับอาหาร
  • มันหมุนคอได้ถึง 180 องศา
ต้นกำเนิดเฟอร์บี้ ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ furby teen.mthai

พฤติกรรมของ ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์(Pygmy Tarsier)

  • ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ (Pygmy Tarsier) พบว่าพวกมันอาศัยอยู่เป็นคู่นานถึง 15 เดือน
  • ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ มี 2 ฤดูกาลผสมพันธุ์ เริ่มต้นในช่วงฤดูฝนและยาวไปอีกประมาณ 6 เดือน
  • ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ ใช้ระยะเวลาในการตั้งท้องใช้เวลา 178 วัน โดยเฉลี่ย
  • ลูกๆของ ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ จะคลอดออกมาดูโลกในช่วงเดือนพฤษภาคม และจากพฤศจิกายน-ธันวาคม
  • ลูกของ ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ นั้นค่อนข้างมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว โดยที่ลูงลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์จะเริ่มจับเหยื่อเองเมื่ออายุได้เพียง 42 วัน และจะเริ่มการเดินทางไปกับฝูงหลังจากนั้นอีก 23 วัน
ต้นกำเนิดเฟอร์บี้ ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ ตุ๊กตาเฟอร์บี้ furby teen.mthai

อาหาร – การกินอยู่ ของ ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์?(Pygmy Tarsier)?

  • ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ (Pygmy Tarsier) เป็นสัตว์ออกหากินเวลากลางคืน และใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนต้นไม้
  • ส่วนในเวลากลางวันพวกมันจะนอนในลักษณะเกาะต้นไม้นอน
  • ลิงปิ๊กมีทาร์เซียร์นั้นจะไม่เหมือนกับลิงทาร์เซียร์ชนินอื่นที่มักใช้ต่อมกลิ่นในการแบ่งอาณาเขต?แต่พวกมันจะใช้ลักษณะของการสื่อสารตามแบบฉบับของมัน
  • ลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์ เป็นสัตว์กินเนื้อเป็นอาหาร พวกมันจะจับพวกสัตว์เล็กและแมลงเป็นอาหาร เช่น แมลงต่างๆ นก งู หนู

 บางทีก็คิดว่าตาของลิงปิ๊กมี่ทาร์เซียร์เจ้าลิงจิ๋วเนี่ย น่ากลัวเกินไป TT^TT แต่ก็น่ารัก -0-

ขอบคุณแหล่งที่มา : http://teen.mthai.com/variety/56006.html

มาฟังเพลงกันดีกว่าา..

ผู้หญิงตัวใหญ่ควรฟังเพลงนี้จะได้ไม่น้อยใจ -0-



Meghan Trainor - All About That Bass 

Because you know
I'm all about that bass
'Bout that bass, no treble
I'm all about that bass
'Bout that bass, no treble
I'm all about that bass
'Bout that bass, no treble
I'm all about that bass
'Bout that bass


เพราะเธอก็รู้นี่
ว่าฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส ไม่ได้ตัวเล็กแบบเสียงเทรเบิลนี่นา
ฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส ไม่ได้ตัวเล็กแบบเสียงเทรเบิลนี่นา
ฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส ไม่ได้ตัวเล็กแบบเสียงเทรเบิลนี่นา
ฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส


Yeah, it's pretty clear, I ain't no size two
But I can shake it, shake it
Like I'm supposed to do
Cause I got that boom boom that all the boys chase
And all the right junk in all the right places


ก็ชัดเจนแล้วนะ ว่าฉันไม่ได้ตัวผอมแห้ง
แต่ฉันก็จะส่ายก้น ส่ายก้น
อย่างที่ฉันควรทำ
เพราะฉันมีหน้าอกตู้มๆที่พวกหนุ่มหลงใหลไงล่ะ
และก็เนื้อหนังในที่ที่ควรมี


I see the magazine, workin' that Photoshop
We know that shit ain't real
C'mon now, make it stop
If you got beauty beauty, just raise 'em up
Cause every inch of you is perfect
From the bottom to the top


ฉันเห็นพวกนิตยสาร ที่มีภาพโฟโต้ชอปมาทั้งนั้น
ใครก็รู้ว่าพวกนั้นน่ะปลอมสุดๆ
มาเถอะ ทำให้เรื่องแบบนั้นหยุดลงสักที
หากเธอมีความงามในตัว ก็ทำให้มันสวยขึ้นไปอีก
เพราะทุกๆตารางนิ้วในตัวเธอมันเพอร์เฟคท์อยู่แล้ว
ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยล่ะ


Yeah, my mama she told me don't worry about your size
She says boys like a little more booty to hold at night
You know I won't be no stick figure silicone Barbie doll
So if that's what you're into then go ahead and move along


แม่บอกฉันว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องไซส์ตัวเองหรอกนะ
ท่านบอกว่าพวกหนุ่มๆน่ะ ชอบก้นใหญ่ๆให้นอนกอดมากกว่า
และฉันก็จะไม่เป็นแบบพวกตุ๊กตาบาร์บี้ซิลิโคนพวกนั้นล่ะ
แต่ถ้าพวกเธอสนใจอยากจะเป็นแบบนั้น ก็เชิญเล้ย ตามสบาย

Because you know I'm
All about that bass
'Bout that bass, no treble
I'm all about that bass
'Bout that bass, no treble
I'm all about that bass
'Bout that bass, no treble
I'm all about that bass
'Bout that bass
Hey!


เพราะเธอก็รู้นี่
ว่าฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส ไม่ได้ตัวเล็กแบบเสียงเทรเบิลนี่นา
ฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส ไม่ได้ตัวเล็กแบบเสียงเทรเบิลนี่นา
ฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส ไม่ได้ตัวเล็กแบบเสียงเทรเบิลนี่นา
ฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส


I'm bringing booty back
Go ahead and tell them skinny bitches that
No I'm just playing I know you think you're fat
But I'm here to tell ya
Every inch of you is perfect from the bottom to the top


ฉันจะทำให้สาวเจ้าเนื้อกลับมาฮิตอีกครั้ง
ไปบอกพวกชะนีขี้ก้างพวกนั้นด้วยนะ
ฉันแค่ล้อเล่นนะ ฉันรู้ว่าเธอคิดว่าตัวเองอ้วน
แต่จะบอกอะไรให้
ว่าเธอน่ะพอร์เฟคท์ตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยแหละ


Yeah my mama she told me don't worry about your size
She says boys like a little more booty to hold at night
You know I won't be no stick figure silicone Barbie doll
So if that's what you're into then go ahead and move along


แม่บอกฉันว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องไซส์ตัวเองหรอกนะ
ท่านบอกว่าพวกหนุ่มๆน่ะ ชอบก้นใหญ่ๆให้นอนกอดมากกว่า
และฉันก็จะไม่เป็นแบบพวกตุ๊กตาบาร์บี้ซิลิโคนพวกนั้นล่ะ
แต่ถ้าพวกเธอสนใจอยากจะเป็นแบบนั้น ก็เชิญเล้ย ตามสบาย

Because you know I'm
All about that bass
'Bout that bass, no treble
I'm all about that bass
'Bout that bass, no treble
I'm all about that bass
'Bout that bass, no treble
I'm all about that bass
'Bout that bass


เพราะเธอก็รู้นี่
ว่าฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส ไม่ได้ตัวเล็กแบบเสียงเทรเบิลนี่นา
ฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส ไม่ได้ตัวเล็กแบบเสียงเทรเบิลนี่นา
ฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส ไม่ได้ตัวเล็กแบบเสียงเทรเบิลนี่นา
ฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส


Because you know I'm
All about that bass
'Bout that bass, no treble
I'm all about that bass
'Bout that bass, no treble
I'm all about that bass
'Bout that bass, no treble
I'm all about that bass
'Bout that bass


เพราะเธอก็รู้นี่
ว่าฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส ไม่ได้ตัวเล็กแบบเสียงเทรเบิลนี่นา
ฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส ไม่ได้ตัวเล็กแบบเสียงเทรเบิลนี่นา
ฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส ไม่ได้ตัวเล็กแบบเสียงเทรเบิลนี่นา
ฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส


Because you know I'm
All about that bass
'Bout that bass, no treble
I'm all about that bass
'Bout that bass, no treble
I'm all about that bass
'Bout that bass, no treble
I'm all about that bass
'Bout that bass
'Bout that bass, 'bout that bass
Hey, hey, ooh
You know you like this bass


เพราะเธอก็รู้นี่
ว่าฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส ไม่ได้ตัวเล็กแบบเสียงเทรเบิลนี่นา
ฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส ไม่ได้ตัวเล็กแบบเสียงเทรเบิลนี่นา
ฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส ไม่ได้ตัวเล็กแบบเสียงเทรเบิลนี่นา
ฉันน่ะตัวใหญ่เหมือนเสียงเบส
แบบเสียงเบส

ขอบคุณเว็บอ้างอิง : http://www.aelitaxtranslate.com/2014/08/meghan-trainor-all-about-that-bass.html

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

เคปทาวน์.....


เคปทาวน์ (อังกฤษCape Townแอฟริคานส์Kaapstad) เป็นเมืองใหญ่อันดับสามและเป็นเมืองหลวงศูนย์กลางของฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศแอฟริกาใต้ มีพื้นที่ 2,455 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 3,497,097 คน (พ.ศ. 2550) เมืองเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 300 ปี ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยที่สุดและมีเสน่ห์ที่สุดเมืองหนึ่งในโลก เป็นเมืองเล็กๆที่มีชื่อเสียงที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศแอฟริกาใต้ ตรงแหลมกู๊ดโฮป ที่ยื่นออกไปทางระหว่างสองมหาสมุทร คือ มหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแอตแลนติก จึงมีสภาพภูมิอากาศอบอุ่นแบบเมดิเตอร์เรเนียน
จุดเด่นของเมืองอยู่ที่ภูเขาลูกใหญ่กลางเมืองที่สามารถมองเห็นได้จากทุกสารทิศ รูปทรงแปลกตาคือ มีลักษณะเสมือนโต๊ะที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินอย่างไรอย่างนั้น จึงทำให้ภูเขาลูกนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า ภูเขาโต๊ะ หรือ Table Mountain มีความสูง 1,086 เมตร หรือ 3,563 ฟุต
นอกจากเมืองเคปทาวน์ เมืองหลวงอีกสองแห่งของประเทศแอฟริกาใต้ได้แก่ กรุงพริทอเรีย เป็นเมืองศูนย์กลางการบริหารประเทศ และบลูมฟอนเทน ซึ่งเป็นเมืองหลวงศูนย์กลางทางฝ่ายตุลาการ
ในปี 2010 สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก สนามกีฬาเคปทาวน์เป็นหนึ่งในบรรดาสนามแข่งขันฟุตบอลโลกในปี 2010 ได้รับสมญานามว่า เป็นดินแดนแห่งการท่องเที่ยวติดอันดับหนึ่งในห้าของโลก เมืองเคปทาวน์ ตั้งอยู่ในแผ่นดินที่มีลักษณะคล้ายอ่าง (City Bowl) มีภูเขาล้อมรอบ อยู่ทางตอนเหนือของแหมลเพนนินซูลา ภูมิอากาศแบบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ลมแรงตลอดทั้งปี ทำให้พัดมลพิษทางอากาศไปจากเมืองอากาศจึงบริสุทธิ์

วาสโก ดากามา~

วาสโก ดา กามา นักสำรวจชาวโปรตุเกสพร้อมลูกเรือ ค้นพบอินเดีย

     วาสโก ดา กามา (Vasco da Gama) นักสำรวจชาวโปรตุเกสพร้อมลูกเรือ 265 คน เป็นชาวยุโรปคณะแรกที่ค้นพบ อินเดีย วาสโก ดา กามาได้รับมอบหมายจาก พระเจ้ามานูเอล ที่ 1 แห่งโปรตุเกส (Manuel I of Portugal) ให้เดินเรือไปค้นหาอินเดียซึ่งชาวตะวันตกสมัยนั้นเชื่อเป็นดินแดนคริสเตียน และเพื่อการค้าเครื่องเทศกับโลกตะวันออก โดยออกจาเมืองท่าในกรุงลิสบอนเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2040 เดินเรือไปตามเส้นทางที่ บาโทโลมิว ไดแออส (Batolomeu Dias) ได้เคยสำรวจไว้ก่อนหน้า ผ่าน แหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope) จนมาถึงชายฝั่งมาลาบาร์ (Malabar Coast) เมืองคาลิคัต (Calicut) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย ในสมัยที่อินเดียยังตกอยู่ภายใต้การปกครองของจักรวรรดิโมกุล (Mughal Empire) จากนั้นได้กลับมาอินเดียอีก 2 ครั้ง ก่อนจะป่วยและเสียชีวิตที่เมืองโคชิ (Kochi) ประเทศอินเดียเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2067

Yannick Noah - On court



On court, on dort
On court, on se réveille
Le temps court encore
On est à cours de sommeil

On court, on bosse
On court après le train
On court comme des gosses
On sait plus où est le frein

On court, on vit
On court, on est mort
On dit stop, c'est fini
Le temps, le temps court encore

On court après l'amour
Après la prochaine rencontre
On court comme des gamins
On sait plus où est le frein

(REFRAIN)
Venez on s'arrête
et on ferme les yeux
On contemple la mer,
on contemple les cieux
Venez on s'arrête,
on marche dans l'autre sens
On revient sur nos pas
On s'arrête et on danse (Hééé)

On court, on ment
On s'aime et puis on court
Le temps c'est de l'argent
On en manque, on est à cours

On court après le monde
On court sur nos chemins
On avance comme des ombres
On sait plus où est le frein

On court avec ou sans buts
pour éviter la chute
Même si on coupe ou rien
On sait plus où est le frein !

REFRAIN

On s'arrête et on danse !

REFRAIN

On s'arrête et on danse..
On s'arrête et on danse !
(x3)

เจ้าลีเมอร์ตัวน้อย~

ลีเมอร์ (อังกฤษ: Lemur) เป็นอันดับฐานของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับไพรเมตหรือลิง ใช้ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lemuriformes
ลักษณะโดยรวมของลีเมอร์ คือ มีรูปร่างทั่วไปคล้ายกับลิง แต่ทว่ามีส่วนหัวคล้ายหมาจิ้งจอก คือ มีจมูกและปากแหลมยาว มีดวงตากลมโต ขนหนาฟู มีหางยาวเป็นพวงเหมือนกระรอก โดยลีเมอร์เป็นไพรเมตที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Prosimian ซึ่งรวมถึงลิงลมกาลากอส และทาร์เซีย เพราะมีสายวิวัฒนาการที่ใกล้เคียงกัน จากการศึกษาทางดีเอ็นเอ ซึ่งคำว่า "Prosimian" นั้น มีความหมายว่า "ก่อนลิง"
คำว่า "ลีเมอร์" แปลงมาจากคำว่า Lemures ในเทพปกรณัมโรมันหมายถึง "ดวงวิญญาณ, ผี หรือปีศาจ"
ขนาดโดยทั่วไปโดยเฉลี่ยของลีเมอร์ขนาดเท่าแมว น้ำหนักตัวประมาณ 9 กิโลกรัม โดยที่ชนิดที่มีขนาดเล็กมีรูปร่างใกล้เคียงกับหนู มีการกระจายพันธุ์เฉพาะบนเกาะมาดากัสการ์ทางชายฝั่งแอฟริกาตะวันออกที่เดียวเท่านั้น เหตุเพราะสันนิษฐานว่า ที่เกาะแห่งนี้ห่างไกลจากแผ่นดินใหญ่ ทำให้สัตว์หลายชนิดมีการวิวัฒนาการเป็นของตัวเองโดยเฉพาะ และไม่มีสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่คอยคุกคาม โดยอาศัยอยู่ในป่าดิบ บนต้นไม้ใหญ่ หากินในเวลากลางวัน และนอนหลับในเวลากลางคืน โดยที่สันนิษฐานอีกว่า บรรพบุรุษของลีเมอร์ เดินทางมายังเกาะมาดากัสการ์ด้วยกอพรรณพืชหรือต้นไม้เมื่อ 60 ล้านปีก่อน โดยลีเมอร์ได้วิวัฒนาการตัวเองแยกมาเป็นชนิดต่าง ๆ จากถิ่นที่อยู่ที่แตกต่างกัน เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง อันเป็นผลจากการที่น้ำท่วมเกาะ ก่อให้เกิดเป็นเกาะแก่งต่าง ๆ มากมาย และลีเมอร์ชนิดต่าง ๆ ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวและถูกจำกัดในเรื่องอาหาร จากพายุไซโคลนที่พัดถล่มในมหาสมุทรอินเดีย โดยเฉพาะชายฝั่งแอฟริกาตะวันออก โดยเชื่อว่าบรรพบุรุษของลีเมอร์นั้นแรกเริ่มมีขนาดเล็ก และอาจเกาะกับต้นไม้ลอยน้ำมาในรูปแบบของการจำศีล
ลีเมอร์มีพฤติกรรมอยู่รวมกันเป็นฝูง จุดเด่นอีกประการของลีเมอร์ คือ เสียงร้องที่หลากหลายและดังกึกก้องไปทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวลาออกหากินในยามพลบค่ำ ซึ่งอาหารของลีเมอร์ได้แก่ใบไม้ผลไม้แมลงไข่นก และสัตว์ขนาดเล็กชนิดต่าง ๆ แตกต่างออกไปตามแต่ละชนิด ด้วยการใช้ขาหน้าที่เสมือนมือในการหยิบฉวย ขุดคุ้ย หยิบจับอาหารได้คล่องแคล่วเช่นเดียวกับสัตว์ประเภทอื่นในอันดับเดียวกัน หากแต่จะใช้หางในการเกาะเกี่ยวกับกิ่งไม้ไม่ได้
ลีเมอร์ในปัจจุบัน ได้รับการจำแนกแล้วประมาณ 100-103 ชนิดใน 5 วงศ์ (ดูในตาราง) และหลายชนิดและหลายวงศ์ก็ได้สูญพันธุ์ไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยชนิดที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ได้แก่ ลีเมอร์หางวงแหวน (Lemur catta) ที่มีส่วนหางเป็นลายปล้อง ๆ สลับขาว-ดำรัฟด์ลีเมอร์ (Varecia spp.) เป็นลีเมอร์ที่มีขนสีขาวรอบ ๆ ใบหน้าแลดูคล้ายเครา และอาย-อาย (Daubentonia madagascariensis) ซึ่งมีลำตัวสีดำ มีนิ้วมือที่ยาวใช้สำหรับเคาะหาแมลงหรือหนอนที่อยู่ใต้เปลือกไม้กินเป็นอาหาร ในเวลากลางคืน เป็นต้น
ตามรายงานของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN) ระบุว่า ว่าร้อยละ 91 ของลีเมอร์ 103 ชนิดที่รู้จักกำลังตกอยู่ในภาวะถูกคุกคาม โดยลีเมอร์ 23 ชนิด ถูกจัดอยู่ในภาวะเสี่ยงสูญพันธุ์ขั้นวิกฤต อีก 52 ชนิดถูกจัดอยู่ในภาวะเสี่ยงสูญพันธุ์ และอีก 19 ชนิดจัดอยู่ในภาวะมีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ ตามบัญชีแดงของสหภาพเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN Red List) โดยลีเมอร์ชนิดที่หายากที่สุด คือ ลีเมอร์นอร์เทิร์นสปอร์ตีฟ (Lepilemur septentrionalis) ที่เหลือเพียงแค่ 18 ตัวเท่านั้น