วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557

Libérée, délivrée de La Reine des Neiges - Clip Disney Channel



                                                         เพราะทุกเวอร์จริงๆ . ♥♥♥

 http://www.youtube.com/watch?v=PV6A_BTIPoM

Tchaikovsky: Swan Lake - The Kirov Ballet


สวยเวอร์ ♥♥♥♥♥♥


Je ne sais pas ♥ ><


แง่คิดชีวิตงาม - ขาว ดำ


อาจจะมีคนเคยอ่านแล้ว อ่านอีกครั้งก้อได้คิดอีกครั้งมีเรื่องเล่าว่า วันหนึ่ง คุณครูเดินเข้ามาแล้วชูกระดาษขึ้นมาแผ่นหนึ่งมันเป็นกระดาษขาวที่มีจุดสีดำอยู่ตรงกลางแล้วครูจึงถามนักเรียนว่า เธอเห็นอะไรนักเรียนจึงตอบว่าเห็นจุดสีดำคุณครูพูดว่า แล้วเธอไม่เห็นกระดาษขาวแผ่นนี้เหรอ?นักเรียนจำเรื่องนี้ได้จนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่เลยเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าคนส่วนมากมักจะมองเห็นสิ่งไม่ดีมากกว่าสิ่งที่ดีซึ่งที่จริงแล้ว เราควรจะหัดให้เห็นสิ่งดีมากกว่าสิ่งที่ไม่ดีโดยเฉพาะเวลาที่เรามองคนอื่น หากเรามองข้อดีของเขาเราจะรู้สึกสบายใจ และบรรยากาศรอบข้างก็จะดีด้วย


http://www.watpon.com/life/life1.htm

แง่คิดชีวิตงาม - ไม่เป็นไร ไม่ต้องทอน


เจ้าเด็กชายตัวน้อยของเราเข้าไปหาแม่และส่งกระดาษให้หลังจากแม่เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนแล้ว 

เธอก็ก้มลงอ่านค่าตัดหญ้า 5.00 บาท

ค่าทำความสะอาดห้องของผมอาทิตย์นี้ 1.00 บาท

ค่าซื้อของให้แม่ 2.50 บาทค่าดูแลน้องชาย 2.50 บาท

ค่าเอาขยะไปทิ้ง 1.00 บาทค่าได้คะแนนดี 5.00 บาท

ค่าทำความสะอาดและกวาดสนาม 2.00 บาท

รวมค้างชำระ 19.00 บาท

แม่มองลูกชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างคาดหวังเธอหยิบปากกาขึ้นมา พลิกกระดาษ ไปด้านหลังแล้วเขียน

 :- เก้าเดือนที่แม่อุ้มท้องลูก ไม่คิดเงิน

- เวลาที่แม่นั่งกับลูก พยาบาลลูก และสวดมนต์ให้ลูก ไม่คิดเงิน

- ค่าที่ลูกทำให้แม่เสียน้ำตาเป็นปี ๆ ไม่คิดเงิน

- หลายคืนที่แม่มีความหวาดระแวงกับความกังวล ที่แม่รู้รออยู่ข้างหน้า ไม่คิดเงิน

- ของเล่น อาหาร เสื้อผ้า และแม้แต่เช็ดน้ำมูกให้ ไม่คิดเงินหรอกจ๊ะลูก

- และเมื่อรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันจะเป็นราคาเต็มของความรักที่แท้จริงไม่คิดเงินเหมือนกันจ๊ะเมื่อลูกชายของเราอ่านสิ่งที่แม่เขียน น้ำตาหยดโต ๆ ก็ไหลออกมาเขาสบตาแม่และพูดว่า "แม่ครับ ผมรักแม่จริง ๆ นะครับ"แล้วเขาก็เอาปากกาเขียนหนังสือตัวโตว่า => "จ่ายหมดแล้ว"

ที่รักเธอรักด้วยชีวิต อย่าคิดเลยรักไปเท่าไร ที่ให้เธอแม้มันจะหมดหัวใจ 

ไม่เป็นไร ไม่ต้องทอน

http://www.watpon.com/life/life1.htm


แง่คิดชีวิตงาม - บอล 5 ลูก

หากชีวิตเราเปรียบเสมือนเกมโยนบอล 5 ลูกสลับกันไปในอากาศคล้ายนักเล่นกล
บอลทั้ง 5 เปรียบได้กับ งาน, ครอบครัว, สุขภาพ, เพื่อนและจิตใจ
เราคงต้องบอกว่า งาน นั้นคงต้องเป็นลูกบอลยาง
ซึ่งแม้ว่าเราจะพลาดพลั้งทำตกกี่ครั้งมันก็สามารถที่จะกระเด้งกระดอนกลับมา
ให้เรานำกลับมาเล่นต่อได้
แต่บอลอีก 4 ลูกที่เหลือ คือ ครอบครัว สุขภาพ เพื่อน
และจิตใจนั้นเป็นเช่นลูกแก้ว การพลาดพลั้งทำลูกใดลูกหนึ่งตกไปนั้น
แม้เป็นเพียงแค่รอยถลอก รอยตำหนิเล็กๆ รอยหัก แหว่ง
หรือแตกละเอียด
ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถแก้ไขให้มันกลับมาเป็นลูกแก้วที่แววใสดังเดิม ไ ด้
ดังนั้นเราจึงควรระลึกอยู่เสมอว่า.....ชีวิตเราคือ.....การต่อสู้ประคับประคอง
บอลทั้ง 5 ลูกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงให้สมดุลย์มากที่สุด.....
ทำอย่างไรน่ะหรือ ??
อย่างแรก.....
** จงอย่าประเมินค่าของตัวเองให้ต่ำต้อย โดยการเปรียบเทียบกับคนอื่น
พึงระลึกเสมอว่าเราทุกคนล้วนแตกต่าง กัน
และทุกคนก็มีความพิเศษเป็นของตนเอง โดยเฉพาะ
อย่าปล่อยให้ชีวิตผ่านไปอย่างไร้ค่า โดยการปล่อยเวลาให้ผ่านไป
** จงคิดว่าทุกๆ วันที่ผ่านพ้นไปคือส่วนหนึ่งของชีวิตเรา
อย่าเพิ่งละความพยายามเมื่อเจอปัญหา
** จงจำไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะจบสิ้นเมื่อคุณทิ้งความพยายามของคุณเอง
อย่ากลัวที่จะยอมรับว่าเราไม่ใช่คนที่สมบูรณ์ พร้อมในทุกอย่าง
เพราะการหลงตัวเองจะเปรียบเสมือนผมเส้นบางๆที่บังตาไม่ให้คุณมองเห็นผู้คนรอบข้าง
** จงอย่ากลัวการเสี่ยง
เพราะมันคือโอกาสที่คุณจะได้เรียนรู้ถึงความกล้าหาญ
อย่าทิ้งความรักไปจากชีวิต โดยการบอกว่ามันไม่มีทางที่จะหาพบ
หนทางที่ง่ายที่สุดที่จะได้รับความรักคือการรู้จักให้
และการรักษาความรักที่ดีที่สุดคือการให้อิสระกับมัน จำไว้ว่า
ยิ่งคุณพยายามไขว่คว้ามันไว้กับตัวคุณมากเท่าไร
มันก็ยิ่งจะจากไปจากคุณได้เร็วเท่านั้นอย่าพิจารณาชีวิตของคุณเร็วเกินไป
จนคุณลืมที่จะนึกว่าคุณมาจากที่ไหนและ
คุณกำลังจะไปที่ใด
พึงตระหนักว่าความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์เราต้องการคือความประทับใจ
จงอย่ากลัวการรับรู้ หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ
ความรู้นั้นไร้น้ำหนัก
แต่เป็นทรัพย์สมบัติอันมีค่าที่มันจะติดตัวคุณไปและจะไม่มีใครที่สามารถขโมยมันไปจากคุณได้
จงใช้เวลาและคารมอย่างระมัดระวัง
เพราะทุกสิ่งที่ผ่านไปจะไม่สามารถย้อนกลับคืนมาได้เหมือนสายน้ำที่ไม่มีวัน
จะไหลย้อนกลับ
** จงรู้ว่า ชีวิตไม่ใช่การแข่งขัน
แต่ชีวิตคือการเดินทางคือการสัมผัสรับรู้ในแต่ละก้าวที่เดินไป
** และสุดท้าย จงจำไว้ว่า ความดีไม่มีขาย อยากได้ต้องทำเอง ...

แง่คิดชีวิตงาม - แด่ลูกรัก

เดินชนคนแปลกหน้า ฉันเอ่ยขอโทษ ไม่ตั้งใจ เขากลับตอบ "ขออภัย ผมเองไม่ทันเห็นคุณ"
เราต่างสุภาพ ถ้อยทีถ้อยอาศัย แสดงน้ำใจ แม้ไม่รู้จักกัน
แต่ที่บ้านเย็นวันนั้น ฉันทำอาหารอยู่ในครัว ลูกสาวตัวน้อยแอบมายืนข้างหลัง ไม่ทันระวัง ฉันหันกลับมาชน เธอล้มลง
"อย่ามายืนเกะกะ" ฉันดุใส่
ลูกสาวเดินจากไป หัวใจเธอปวดร้าว และคืนนั้นฉันได้ยินเสียงกระซิบจากเบื้องลึกของหัวใจ
"กับคนแปลกหน้าเจ้าสุภาพได้ กับลูกรักชิดใกล้ ทำไมทำได้ลงคอล่ะ"
เรานึกกลับไป เรามองดูที่พื้นครัว ดอกไม้หลากสีที่ลูกเราอุตส่าห์เก็บมาหวังให้เราแปลกใจ
ตกเกลือนอยู่ทั่วไป น้ำตาเธอไหล "เหตุใดฉันไม่แลเห็น" ฉันเพิ่งรู้ตัว เลยค่อย ๆ ย่องเข้าไปนั่นคุกเข่าข้างเตียงลูก
"ตื่นเถิดคนดี ดอกไม้นี่ลูกเก็บมาให้แม่หรือ"
ลูกตอบ "ใช่ค่ะ หนูเห็นดอกไม้บาน สวยงามเหมือนคุณแม่ รู้ว่าคุณแม่ต้องชอบ โดยเฉพาะดอกสีน้ำเงิน"
ฉันตื้นตันใจนัก "ลูกรัก แม่ขอโทษจริง ๆ ที่เอ็ดหนู"
"แม่จ๋า ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูรักแม่"
"แม่ก็รักลูก แม่ชอบดอกไม้ของหนูมาก โดยเฉพาะสีน้ำเงินจ๊ะ"
หากเราตายจากไปในวันพรุ่งนี้ อีกไม่กี่วันนายจ้างก็หาคนใหม่มาทำแทนได้
แต่ครอบครัวที่อยู่ข้างหลังอาจโศกเศร้าไปชั่วชีวิต ลองคิดดูว่าคุ้มไหม
หากเราจะทุ่มเทตัวเองให้กับงานมากกว่าครอบครัว
รู้ไหมคำว่า FAMILY ย่อมาจาก
FAMILY = Father And Mother I Love You
ให้เวลากับพ่อ-แม่ของคุณมากขึ้นยามท่านแก่ตัวลง รู้จักแบ่งเวลาให้กับงานและคนที่บ้านให้สมดุลกัน
หากมีใครมาบอกให้จัดความสำคัญเสียใหม่ จงย้อนถามกลับไปว่าครอบครัวสำคัญน้อยกว่าหรือไร?

แง่คิดชีวิตงาม - เชอรี่พันธุ์ดี



เรื่องมีอยู่ว่ามีพ่ออยู่คนหนึ่งได้ต้นเชอรี่พันธุ์ดีมา ก็เอามาปลูกไว้ที่บ้านและสั่งให้ทุกคนในบ้านช่วยกันดูแลเพื่อว่าเมื่อต้นเชอรี่โตขึ้นทุกคนจะได้กินผลที่อร่อยจากต้นเชอรี่พันธุ์ดีนี้และคุณพ่อเองก็เฝ้ารดน้ำ ใสปุ๋ยดูแลมันอย่างดีเป็นเชอรี่ต้นโปรดของคุณพ่อทีเดียว อยู่มาวันหนึ่งขณะที่คุณพ่อออกไปทำงานลูกชายชื่อจอร์จซึ่งได้ขวานเล็ก ๆ อันใหม่มา ด้วยความซนก็ฟันนู่นฟันนี่แล้วก็ไปโดนต้นเชอรี่แสนรักของคุณพ่อเข้าต้นเชอรี่ค่อย ๆ เอนตัวแล้วก็ล้มลงกับพื้นเหลือแต่ตอที่อยู่เหนือพื้นดินมาไม่กี่นิ้ว เมื่อคุณพ่อกลับมาถึงบ้านเห็นต้นเชอรี่แสนรักในสภาพอย่างนั้น ก็ตกใจมาก เรียกทุกคนในบ้านมาถามก็ไม่มีใครทราบจนคุณพ่อนึกถึงลูกชายคนนี้ก็ตะโกนเรียกด้วยเสียงอันดังว่า "จอร์จ มานี่ซิ " จอร์จก็เดินออกมาหาคุณพ่อคุณพ่อได้ถามจอร์จว่า"จอร์จ ลูกรู้ไหมว่าทำไมต้นเชอรี่ถึงเป็นแบบนี้"จอร์จก้มหน้าแต่ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นตอบคุณพ่อว่า"ผมไม่กล้าโกหกคุณพ่อหรอกครับว่าผมเป็นคนเอาขวานฟันต้นเชอรี่นี้เอง"คุณพ่อบอกจอร์จว่า "เข้าไปรอพ่อในบ้าน" ….จอร์จเดินเข้าไปรอคุณพ่อในห้องของเค้า เวลาผ่านไปพักใหญ่ ๆ คุณพ่อก็เข้ามาในห้องและถามจอร์จว่า "ทำไมลูกถึงตัดต้นเชอรี่ที่อีกหน่อยทุกคนในบ้านจะได้กินผลจากมันล่ะ"จอร์จตอบคุณพ่อว่า "ผมไม่ได้ตั้งใจครับผมทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผมเอง"แล้วจอร์จก็ก้มหน้าลง หน้าแดงด้วยความละอายแล้วก็ได้ยินเสียงคุณพ่อพูดว่า"จอร์จ ลูกดูหน้าพ่อซิ ถึงพ่อจะรู้สึกเสียใจที่ต้นเชอรี่ที่พ่อรักถูกโค่นไป แต่พ่อก็ดีใจยิ่งกว่าที่ลูก ของพ่อซื่อสัตย์และกล้าหาญที่ยอมรับในการกระทำของตัวเอง ถ้าไม่มีสิ่งนี้ ถึงแม้จะมีเชอรี่พันธุ์ดีเต็มสวน ก็ไม่มีประโยชน์อะไร"จอร์จจดจำเรื่องราวเหล่านี้และใช้ความกล้าหาญและซื่อสัตย์ตลอดมาจนแม้กระทั่งในการดำรงฐานะเป็นประธานาธิบดี "จอร์จ วอชิงตัน"เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงของท่านประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตันฟังแล้วประทับใจในวิธีการสอนของคุณพ่อ แทนที่คุณพ่อจะทำโทษลูกด้วยวิธีอันรุนแรง เกรี้ยวกราดกับลูก หรือให้ความสำคัญกับสิ่งของ แต่คุณพ่อกลับพูดกับลูกอย่างอ่อนโยนด้วยถ้อยคำที่ทำ ให้ลูกต้องจดจำไปตลอดชีวิต ถ้าคุณพ่อทำโทษแรงๆ ก็อาจจะไม่มีประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตันแบบนี้ก็ได้…..ในชีวิตมีสักครั้งไหมที่เราจะใส่ใจกับสิ่งที่ยังอยู่แทนที่จะมัวแต่เสียดายสิ่งที่ไม่มีวันได้คืน....


http://www.watpon.com/life/life1.htm